top of page

RECENT POSTS: 

FOLLOW ME:

  • Facebook Clean Grey
  • Instagram Clean Grey

3 วัน 2 คืน กับคนแปลกหน้า แต่รู้ใจ (2)

  • Krityoga
  • 30 มิ.ย. 2558
  • ยาว 1 นาที

IMG_3725.JPG

ย้อนกลับมาที่ กิจกรรมสร้างมูลค่า ก็เล่ากันไป ให้คะแนนกันไป อะน่ะ คำสั่งก็ไม่เคลียร์ คะแนน ก็ไม่ว่าให้เพราะอะไรทำไม ไม่มีเหตุผลในการอธิบายทั้งนั้น หลังจากที่ให้คะแนนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่เฉลย ปล่อยให้นักเรียนงงกันต่อไปว่า เราให้คะแนนไปเพื่ออะไร และ ทำไปทำไม่เนี้ย ครูก็ทิ้งระยะไปสักพัก ไปเรียนหนังสือกันก่อน แล้วก็กลับมาเฉลย โดยถามว่า ใครให้คะแนน เพื่อนอย่างไร เท่าไหร่บ้าง อ้อเราต้องให้คะแนนตัวเราเองด้วยน่ะ ครูก็เริ่มถามก่อนว่าใครให้คะแนนตัวเองเท่าไรกันบ้าง ก็มีตั้งแต่ 0 ถึง 5 ส่วนตัวเองให้คะแนนตัวเอง 1 เพราะชื่อ 1 ง่ะ คิดง่าย ๆ แบบขี้เกียจนิด ๆ พอครูถามถึงการให้คะแนนตัวเองเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่แล้วเราให้คะแนนเพื่อนคนอื่น ๆ อย่างไร ก็มีตั้งแต่ 0 ถึง 5 อีกเหมือนกัน แต่ไม่มีใครให้คะแนนติดลบ มาถึงตรงนี้ ครูก็เริ่มถามว่า ทำไม เราถึงให้คะแนนที่แตกต่างกัน ออกไป ก็มี หลากหลายคำตอบ บ้างก็เพราะเรื่องที่เล่า บ้างก็เพราะเพื่อนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางก็ไม่รู้ บ้างก็คิดว่าให้สุงไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ดี

ผลสรุปของกิจกรรมนี้คืออะไร ครูสรุปได้น่าฟังว่า คนเราทุกวันนี้ติดอยู่กับการให้คะแนน ติดอยู่กับการตัดสินทุกเรื่องด้วยมูลค่าของสิ่งนั้น คนนั้น หรือแนวทางนั้น จนละเลยไปว่าจริงแล้วคนเรามีความเท่ากัน ไม่มีใครเก่งกว่าใครดีกว่าใคร ซึ่งตรงนี้เห็นด้วยเป็นที่สุดเพราะต้องไม่ลืมว่าคนเรามีจุดแข็งจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกัน แต่คนเราเป็นระบบนิเวศที่ไม่มีใครสามารถอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่พึ่งพากัน แต่คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า ถ้าเรามีตัวเลขมากเท่าไหร่ เราก็มีมูลค่ามากเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวคิดแบบตะวันตกออกอย่างรุนแรง เห็นได้จากการใช้ระบบ KPI ROI และ 360 Degree ที่นำมาใช้ในการวัดค่าความเป็นมนุษย์กันในปัจจุบัน จนทำให้คนทำงานด้วยการฝืนธรรมชาติของตน ทำให้เกิดความเครียด และ ทำให้เกิดผลของความไม่สุขตามมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ทั้งที่ในความเป็นจริง คนเกิดจาก 0 และจบที่ 0 อาจจะเรียกว่าสภาวะอนันต์ มาแต่ตัว และ ไปแต่ตัว แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องปลงกันจนไม่ทำอะไร แต่อยากจะให้เริ่มค้นหาแนวทางการทำงานที่ให้คุณค่า มากกว่ามูลค่า เพราะถ้าหากเราสร้างคุณค่าให้กับการทำงานได้แล้วนั้น คนที่ทำงานจะรู้สึกอยากทำ อยากก้าว และ อยากทดลองทำอะไรใหม่ ๆ กับชีวิต ในเรื่องนี้จะขอแตกออกไปอีกนิด ในเรื่องการให้คะแนนเพื่อน ๆ จะไม่ขอกล่าวถึงคนอื่น แต่จะขออธิบายถึงแนวคิดการให้คะแนนที่ตัวเองทำไว้สักนิด

ครูถามว่าการให้คะแนนมีใครกี่คนที่ให้คะแนนเพื่อนต่างกัน และ ให้คะแนนเพื่อนเท่ากัน จำนวนคนที่ให้คะแนนเพื่อนเท่ากันนั้นมีจำนวนน้อยกว่า เพราะอะไรไม่ได้มีการถามต่อ แต่สำหรับเรา ๆ เห็นว่า การที่คนหนึ่งคน เล่าเรื่องของตนเองให้คนอื่นฟังเป็นการทำสิ่งเดียวกันที่เท่ากัน เพราะบางคนอาจจะเล่าเก่ง แต่บางคนอาจจะเล่าไม่เก่ง แต่เพียงขอให้เขากล้าเล่า แค่ 1 หรือ 2 ประโยค ก็เป็นสิ่งที่เขาได้ทำแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องจะสนุก หรือไม่สนุก เราให้คะแนนทุกคนเท่ากันหมดที่ 5 เห็นมะเราก็ยังติดที่มูลค่าให้มากไว้ก่อน เป็นเรื่องปรกติ แต่เราให้เพราะเราคิดว่าความกล้าของเขาคือคุณค่า ดังนั้นเขาทุกคนมีคุณค่าที่เท่ากันจากการที่กล้าเล่าเรื่องต่าง ๆ เปิดใจเล่าเรื่องให้คนแปลกหน้าฟัง ทั้งที่เราพึ่งรู้จักกัน ทั้งนี้เราจำเป็นจะต้องเรียนรู้อะไรคือจุดแข็งของเรา และนำจุดนั้นมาใช้อย่างเป็นประโยชน์

ก็เหมือนกับแนวทางการฝึกโยคะ เราอาจจะฝึกท่า ๆ หนึ่งได้ดี เพราะเรามีจุดแข็งในการยืดหยุ่นเฉพาะจุด แต่อีกท่าหนึ่งอาจฝึกได้ยังไม่ดี ต้องใช้เวลาในการปรับร่างกาย เพราะนั้นคือตัวเราแม้แต่ในตัวเราเองยังมีจุดแข็งที่แตกต่าง ดังนั้นแล้วเราจำเป็นจะต้องหัดเรียนรู้ที่จะใช้จุดแข็งที่มีอยู่อย่างมีประโยชน์สูงสุด ในขณะที่เราก็ต้องค่อยพัฒนาจุดอ่อนตามไปด้วย เพื่อให้เกิดการสมดุลยของชีวิต หากเรายังไม่สามารถเรียนรู้ตัวเองได้ แล้วเราจะเรียนรู้คนอื่นได้หรือ นั้นคือคำถาม หรือจะคิดเอง เอ้อเองว่าเขาจะต้องทำได้ คิดได้เหมือนเรา

ปืดท้ายกิจกรรมวันสุดท้าย ด้วยการแบ่งปันประสบการณ์การสอนจาก ครูเบิรด์ ที่นำทั้งศิลปการแสดง ศิลปครู และ ศิลปการพูด มารวบกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างน่าประทับใจ เริ่มจากการให้ เหล่านักเรียนเขียน คำตอบ เกี่ยวกับโยคะ ในกระดาษคำถาม 6 คำถาม หลังจากนั้น ให้แต่ละกลุ่มสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นบนกระดาษแต่ละแผ่นของแต่ละกลุ่ม ทำให้เกิดความหมายที่เป็นเป้าหมายของการเป็นครูโยคะ อย่างชัดเจน นั้นคือการฝึกการประมวลผลแบบ Knowledge Vision (KV) อันนี้ต้องบอกว่า ครูแอบเนียนมากในการจะสะกดจิตให้เราจำว่า การเป็นครูโยคะที่ดีนั้นต้องมีอะไรบ้าง ฮ่าอ่า ตามาด้วยเกมส์สุดฮิต บอกต่อ เพื่อให้เรียนรู้ วิธีการส่งข้อมูล หรือ จัดการกับข้อมูลอย่างไรไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และ ยังมีอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นเทคนิคการสอนที่ดีมากมาย ซึ่งจะมีรายละเอียดมาเล่าอีกครั้ง

แค่เริ่มต้น รายละเอียดก็เยอะซะป่านนี้ แล้วอีก 4 เดือนข้างหน้า จะมีอะไรกันบ้างเนี้ย ความคิดเป็นสิ่งไม่ตาย หากเราหยุดพัฒนาความคิด ก็เหมือนกับเราตายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์ เพียงแค่เปิดใจให้กว้าง สมองให้ว่าง รับข้อมูลใหม่ ๆ เข้ามาคิด ประสาน และ สร้างสรรค์ เพื่อสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตกันต่อไปดีกว่า คิด ณ ปัจจุบัน เพราะคิดถึง อดีตมากอนาคตเยอะ เด๊วปวดหัว

 
 
 

ความคิดเห็น


SEARCH BY TAGS: 

bottom of page